สงสัยกันหรือไม่ว่า Digital Disruption คืออะไร ถ้าให้ยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือการหยุดชะงักชั่วคราวของธุรกิจโดยที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา ทำให้เกิดการปรับตัวขององค์กรไม่ทัน โดยการเปลี่ยนฉับพลันเช่นนี้จะทำให้ปรับสภาพตามไม่ทัน ควรเริ่มที่ละอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สามารถพัฒนาองค์กรต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งในบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Digital Disruption กันว่าคืออะไร มีผลกระทบอย่างไรบ้าง จะมีวิธีการรับมืออย่างไรให้เหมาะสม
Digital Disruption คือ ?
Digital Disruption คืออะไร ต้องบอกก่อนว่าในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตประจำวัน ส่งผลทำให้องค์กรจึงต้องเร่งพัฒนาตามให้ทัน หากไม่มีการเตรียมตัวขององค์กรที่ดีก็จะเกิด Digital Disruption ได้ หมายถึงการหยุดชะงักขององค์กรโดยมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AIเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถพัฒนาองค์กรต่อไปได้ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัว
ผลกระทบของ Digital disruption คือ (copywriting)
การเปลี่ยนแปลงพัฒนาองค์กรอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีนั้นย่อมมีผลกระทบเกิดขึ้น แน่นอนว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะ Digital disruption ได้ แต่องค์กรของเรายังสามารถเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งอาจมีผลกระทบของ Digital disruption คือดังนี้
อาชญากรไซเบอร์
เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลลูกค้าเป็นจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อาจมีผู้ไม่หวังดีเจาะระบบและเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกค้า จึงต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์อยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น
การแข่งขันของธุรกิจที่เข้มข้นขึ้น
การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นนับเป็นเรื่องดีอีกอย่างหนึ่ง ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างก้าวหน้า แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจอื่น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน หากองค์กรมีการเตรียมพร้อมที่ดีมีความสามารถทางเทคโนโลยี จะทำให้สามารถแข่งขันองค์กรอื่นๆได้ หากมีการเตรียมพร้อมที่ไม่ดี ก็สามารถถูกแย่งลูกค้าได้เช่นกัน
โอกาสในการพัฒนาธุรกิจ
นอกจากที่การเกิดภาวะ Digital disruption จะทำให้เกิดความท้าทายใหม่ๆขึ้น ยังช่วยให้เปิดโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาองค์กรโดยมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะในสมัยนี้เทคโนโลยีสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือทุ่นแรงได้ สามารถคิดค้นแนวทางใหม่ๆให้กับองค์กรได้ พัฒนาให้องค์กรมีความแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
วิธีการรับมือ Digital disruption
ในเมื่อทุกคนที่อ่านมากันจนถึงหัวข้อนี้แล้วมีทั้งข้อมูล Digital disruption คืออะไร มีผลกระทบอย่างไรบ้างจากภาวะของ Digital disruption ในส่วนของหัวข้อนี้พวกเราจะมาแนะนำวิธีการรับมือกับภาวะ Digital disruption กัน ว่าควรรับมืออย่างไร ต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันได้อย่างอยู่หมัด และสามารถดึงประสิทธิภาพจากการใช้งานเทคโนโลยีมาได้อย่างเต็มที่ พร้อมพัฒนาองค์กรด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ
- ปรับตัวพร้อมรับมือกับเทคโนโลยี
เนื่องจากการทำธุรกิจจะต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ธุรกิจสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ การนำเทคโนโลยีมาใช้ภายในองค์กรก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เช่นกัน สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลกำไรได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดเวลา เช่น การนำนวัตกรรม AI, ระบบ Cloud แบบ Big data ที่จะช่วยให้วิเคราะห์แนวทางการทำธุรกิจได้อย่างแม่นยำ สามารถนำไปพัฒนาองค์ได้อย่างต่อเนื่อง
- สร้าง Partners ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ผู้นำองค์กรที่ดีควรมีวิสัยทัศน์และเปิดกว้าง ถึงจะเป็นองค์กรใหญ่ ก็ไม่ควรที่จะประมาทต่อองค์กรขนาดเล็กที่มีวิสัยทัศน์และเปิดกว้าง ทำให้สามารถพัฒนาและนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ภายในองค์กร ให้สามารถพัฒนาต่อไปได้
- สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ปรับตัวตามผู้บริโภค
การทำธุรกิจจะต้องมีการปรับตัวตามลูกค้ามากขึ้น เพราะในสมัยนี้ที่มีการทำเทคโนโลยีมาใช้กันอย่างกว้างขวางสามารถทำให้รับข่าวสารได้ง่ายขึ้น การบริการที่ดีและมีการโปรโมทที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า
- ใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจ
ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการพัฒนาธุรกิจ ควรเก็บข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อนำมาวิเคราะห์ผลแนวทางการดำเนินธุรกิจว่าจะไปในทิศทางไหน จะช่วยให้เราเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ จากพฤติกรรมของลูกค้า และข้อมูลของคู่แข่ง ด้วยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาธุรกิจต่อไปได้
ตัวอย่างการทำธุรกิจในยุค Digital disruption
เนื่องจากวิถีการใช้ชีวิตได้เปลี่ยนไปจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันส่งผลทำให้หลายธุรกิจเริ่มมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อรับมือกับความต้องการของผู้บริโภค ในหัวข้อนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับตัวอย่างการทำธุรกิจในยุค Digital disruption กัน
Freemium Model
รูปแบบการทำธุรกิจแบบ Freemium Model นี้จะเป็นการบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่จะมีการจำกัดเนื้อหาบางส่วน เช่น การมีโฆษณามาคั่นระหว่างรับชม หรือรับชมแบบคุณภาพต่ำ การทำธุรกิจแบบนี้จะทำให้ผู้บริโภคสามารถลองดูเนื้อเรียนรู้ประสิทธิภาพก่อนเพื่อตัดสินใจว่าจะจ่ายค่าบริการหรือไม่ หากมีการจ่ายค่าบริการก็จะปลดล็อกเนื้อหา เช่น การไม่มีโฆษณามาคั่น สามารถรับชมเนื้อหาที่มีภาพคุณภาพสูงได้ ยกตัวอย่างเช่น Spotify
Subscription Model
รูปแบบการทำธุรกิจแบบ Subscription Model เป็นการจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงการบริการแบบต่อเนื่องรายเดือน หรือรายปี เพื่อรับชมเนื้อหาได้ตามที่ต้องการภายในระยะเวลาที่เราเป็นสมาชิก อีกทั้งทางแบรนด์จะสร้างความสัมพันธ์กับเราโดยเรียนรู้พฤติกรรมการรับชมเนื้อหาเพื่อไปวิเคราะห์ว่าเราชอบอะไรในการปล่อยผลงานถัดไป ยกตัวอย่างเช่น Netflix
Marketplace Model
รูปแบบการทำธุรกิจแบบ Marketplace Model เป็นการจัดตั้งตลาดออนไลน์ที่พัฒนามาเพื่อให้ทุกคนสามารถทำการค้าขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ไม่ยาก มีทั้งความสะดวกสบาย รวดเร็ว ง่ายต่อการซื้อขาย ยกตัวอย่างเช่น Shopee
บทสรุป Digital Disruption คืออย่างไร
กล่าวคือ Digital Disruption เกิดขึ้นจากการมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน ทำให้หลายธุรกิจจะต้องมีการปรับตัวโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค องค์กรจะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถพัฒนาให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ รวบถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับปัจจัยต่าง ๆ การปรับโครงสร้างภายในองค์กร ผู้ประกอบการจะต้องมีวิสัยทัศน์และเปิดกว้างที่จะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา สามารถเรียนรู้ได้ผ่าน Disrupt corporate program