
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าทำไมเพื่อนขับรถรุ่นเดียวกันแต่จ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ถูกกว่า? หรือบริษัทนี้แพงกว่าบริษัทนั้นทั้งที่ความคุ้มครองคล้ายกัน จะบอกว่าคุณไม่ได้คิดไปเอง เบี้ยประกันรถยนต์ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาแบบสุ่ม แต่มีเบื้องหลังที่ซับซ้อนและน่าสนใจกว่าที่คิด ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขเบี้ยประกัน พร้อมเทคนิคลดเบี้ยโดยไม่ลดความคุ้มครอง และเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายระหว่างประกันรถยนต์แต่ละชั้น
เบี้ยประกันรถยนต์คืออะไร ทำไมแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน
เบี้ยประกันรถยนต์ คือเงินที่เจ้าของรถจะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อแลกกับความคุ้มครองที่จะได้รับกลับคืนมา แล้วอะไรคือปัจจัยที่บริษัทประกันใช้คิดเบี้ย?
- ประเภทของประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยรถยนต์มีด้วยกันหลายประเภท แต่ละประเภทก็จะมีความคุ้มครองที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีราคาที่แตกต่างกันด้วย
- ประเภทของรถ รถแต่ละประเภทจะมีขนาดและมูลค่าที่แตกต่างกัน ทำให้มีการประเมินค่าเบี้ยแตกต่างกันไปด้วย
- อายุรถ เป็นที่แน่นอนว่ารถใหม่ป้ายแดงย่อมมีค่าเบี้ยที่สูงกว่ารถเก่าเพราะมูลค่าของรถยังสูงอยู่ และที่สำคัญความสึกหลอยังไม่มากเหมือนรถเก่า จึงทำให้ค่าเบี้ยแพงกว่า
- ทุนประกันและความคุ้มครอง โดยส่วนใหญ่ทุนประกันจะอ้างอิงจากมูลค่าของรถในปีนั้น ๆ ยิ่งปีรถที่ใหม่กว่าทุนประกันและความคุ้มครองยิ่งสูง
- การระบุชื่อผู้ขับขี่ การทำประกันรถหากระบุชื่อผู้ขับขี่จะทำให้ค่าเบี้ยถูกกว่ารถที่ไม่ระบุผู้ขับขี่
- ประวัติการขับขี่ หากคุณมีประวัติการเคลมบ่อย ค่าเบี้ยย่อมแพงกว่ารถที่ไม่ได้เคลมแน่นอน
- การรับผิดส่วนแรก หากค่าเสียหายส่วนแรกเป็นวงเงินที่เจ้าของรถยินดีจะรับผิดชอบ กรมธรรม์ก็จะให้ส่วนลดในส่วนนี้ด้วย
วิธีลดเบี้ยประกันรถยนต์โดยไม่ลดความคุ้มครอง
หลายคนคิดว่าการลด เบี้ยประกันรถยนต์ คือการลดความคุ้มครอง แต่จริงแล้วมันคือสิทธิ์ของเจ้าของรถที่จะได้รับ ซึ่งจะมีวิธีใดบ้าง
- ใช้สิทธิ์ประวัติดีให้เต็มที่
หากปีที่ผ่านมาคุณไม่เคยเคลมเลย บริษัทประกันจะมีส่วนลดประวัติดีให้
- เลือกซ่อมอู่แทนซ่อมห้าง
สำหรับรถที่มีอายุ 3 – 5 ปีขึ้นไป การเลือกซ่อมอู่จะช่วยลดเบี้ยลงทันที
- ระบุชื่อผู้ขับขี่
หากคุณเป็นเจ้าของรถและขับขี่เพียงคนเดียว การระบุชื่อลงในกรมธรรม์จะทำให้ค่าเบี้ยถูกกว่าที่ไม่ระบุ
- ติดกล้องหน้ารถ-หลังรถ
การติดกล้องหน้ารถและหลังรถสามารถใช้เป็นหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ ทำให้ลด เบี้ยประกันรถยนต์ ลงได้
- เปรียบเทียบบริษัทประกัน
ปัจจุบันสามารถที่จะเปรียบเทียบค่าเบี้ยกับบริษัทประกันได้ด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้เปรียบเทียบค่าเบี้ยได้ง่ายขึ้น
เปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อถึงเวลาจะซื้อประกันรถมักไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรดี อาจดูที่ราคาถูก? ความคุ้มครองที่ได้รับ? แต่ความจริงควรเริ่มจากความเสี่ยงของคุณคืออะไร แล้วค่อยเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสม
- ประกันชั้น 1
- เหมาะสำหรับ : รถใหม่ รถป้ายแดง รถราคาสูง มือใหม่หัดขับ
- คุ้มครอง : ครอบคลุมทุกกรณี ทั้งมีคู่กรณีและไม่มี รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
- ประกันตัวผู้ขับขี่
- ประกันชั้น 2+
- เหมาะสำหรับ : รถอายุ 4 – 7 ปี ที่ยังใช้งานประจำและต้องการลดค่าเบี้ย โดยที่ความคุ้มครองที่ได้รับใกล้เคียงกับประกันชั้น 1
- คุ้มครอง : เฉพาะชนกับรถเท่านั้น รถหาย ไฟไหม้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ชดเชยกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต
- ประกันชั้น 3+
- เหมาะสำหรับ : รถอายุเกิน 7 ปี รถสำรอง ผู้ขับขี่มีประสบการณ์สูง
- คุ้มครอง : เฉพาะชนกับรถเท่านั้น ไม่คุ้มครองรถหายหรือไฟไหม้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ค่าเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- ประกันชั้น 3
- เหมาะสำหรับ : รถเก่าอายุ 10 ปีขึ้นไป รถใช้งานน้อย ผู้ขับขี่มีประสบการณ์สูง
- คุ้มครอง : เฉพาะรถคู่กรณี ไม่คุ้มครองรถหายหรือไฟไหม้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลบาล ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ทั้งผู้เอาประกันและคู่กรณี
เบี้ยประกันรถยนต์ ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือเรื่องของความเสี่ยง พฤติกรรมการขับขี่ และวิธีวางแผนชีวิต หากคุณเข้าใจอย่างลึกซึ้งจะรู้ว่าการได้เบี้ยถูกไม่ได้แปลว่าเสี่ยง แต่แปลว่าคุณฉลาดเลือก