
ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อย ๆ การวางแผนการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถออมเงินได้อย่างมีวินัยและเห็นผลจริง นั่นก็คือ การทำตารางออมเงิน ซึ่งเป็นแนวทางการเก็บเงินแบบเป็นขั้นตอน ชัดเจน และสามารถทำได้จริง ไม่ว่าจะอยากเก็บเงินเพื่อซื้อของที่ฝันไว้ วางแผนเที่ยว หรือมีเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน การทำตารางออมเงินพวกนี้จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ไวยิ่งขึ้น
ตารางออมเงิน คืออะไร มีข้อดีอย่างไร
ตารางออมเงิน เป็นแผนผังที่ออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการและวางแผนการเก็บเงินอย่างเป็นระบบ โดยจะแบ่งเงินเก็บออกเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ตามความเหมาะสมของรายได้และเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น ตารางออมเงิน 30 วัน อาจเหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นแบบเร็ว เห็นผลไว ส่วนตารางเก็บเงิน 1 เดือน อาจใช้กับเป้าหมายเล็ก ๆ เช่น ซื้อของขวัญให้ตัวเอง และตารางออมเงิน 365 วัน หรือแบบรายปี อาจเหมาะกับคนที่อยากเก็บเงินทีละน้อยแต่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ซึ่งข้อดีของการใช้ตารางออมเงิน ได้แก่
- มีเป้าหมายชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายเล็กอย่างเก็บเงิน 10,000 บาท หรือเป้าหมายใหญ่แบบตารางออมเงิน 1 แสน หรือตารางเก็บเงิน 1 ล้าน การทำตารางออมเงินทำให้คุณทราบว่าควรเก็บวันละเท่าไร เดือนละกี่บาท เพื่อไปถึงเป้าหมายได้ตามเวลาที่กำหนด - ฝึกวินัยทางการเงิน
ตารางออมเงินเป็นเหมือนเครื่องฝึกวินัย หากคุณทำตามแผนทุกวันหรือทุกเดือน คุณจะค่อย ๆ สร้างนิสัยที่ดีทางการเงินได้โดยไม่รู้ตัว - ลดความเครียดเรื่องเงิน
การมีแผนที่ชัดเจนช่วยลดความกังวลว่าจะเก็บเงินไม่ทัน เช่น ถ้าคุณตั้งเป้าเก็บเงิน 100,000 บาทภายใน 1 ปี ก็สามารถใช้ตารางออมเงิน 100,000 ใน 1 ปี เพื่อช่วยคำนวณและจัดสรรรายจ่ายอย่างเหมาะสมได้ - ปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม
ตารางออมเงินมีให้เลือกรูปแบบการเก็บเงินที่หลากหลาย เช่น ตารางออมเงิน 50,000 ตารางออมเงิน 10,000 หรือตารางออมเงิน 30,000 สำหรับคนที่มีรายได้ไม่สูงแต่อยากเริ่มต้น หรือในรูปแบบปฏิทินออมเงิน สำหรับคนที่อยากผูกการออมเข้ากับชีวิตประจำวัน - ตอบโจทย์ทุกช่วงอายุ
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มทำงาน หรือใกล้เกษียณ การวางแผนการเงินโดยการใช้ตารางออมเงินจะช่วยให้คุณตรวจสอบแผนการเงินของตัวเองได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างตารางออมเงินที่ใช้ได้จริง

การออมเงินไม่ใช่เรื่องยาก หากมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีแนวทางที่เหมาะสม ตารางออมเงินจึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าแต่ละวันควรเก็บเท่าไร และจะใช้เวลากี่วันถึงจะถึงเป้าหมาย ลองทำตามตารางออมเงินต่อไปนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าการเก็บเงินให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้สามารถทำได้จริง!
ตารางออมเงิน 5,000 บาทใน 50 วัน
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นเก็บเงินก้อนเล็ก ๆ อย่าง 5,000 บาท การใช้ตารางออมเงินแบบระยะสั้น อย่างเช่น 50 วัน เก็บวันละ 100 บาท (เท่ากันทุกวัน) อาจเป็นเป้าหมายที่ไม่กดดันจนเกินไป แถมยังช่วยฝึกวินัยการเก็บเงินประจำวันได้เป็นอย่างดี
โดยคุณสามารถทำตามวิธี ดังนี้
- แบ่งเงิน 100 บาทออกจากรายรับประจำวันทันที เช่น หลังจากได้เงินเดือนหรือรายได้เสริม
- ใช้ซองเงิน หรือบัญชีธนาคารแยกต่างหากเฉพาะสำหรับเก็บเงินตามตารางนี้
- ติดตามความคืบหน้าทุกวัน อาจใช้แอปพลิเคชัน หรือปฏิทินออมเงิน เพื่อเช็กยอดเงินสะสม
- หากมีรายได้พิเศษในวันใด สามารถออมเพิ่มจากวันละ 100 บาท เพื่อจบเป้าหมายได้เร็วขึ้น
- ตั้งรางวัลให้ตัวเองเมื่อถึงเป้าหมาย เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมครั้งต่อไป เช่น อาจขยับไปใช้ ตารางออมเงิน 10,000 ต่อทันที
แนะนำ 3 แอปออมเงินที่ช่วยให้การเก็บเงินง่ายขึ้น
การเก็บเงินตามตารางออมเงินจะได้ผลดียิ่งขึ้น เมื่อมีเครื่องมือช่วยติดตามและวางแผนอย่างมีระบบ สำหรับใครที่ไม่ถนัดเขียนลงกระดาษ หรือกลัวลืมวันเก็บเงิน แอปออมเงินคือทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด พาไปส่อง 3 แอปออมเงินยอดนิยม ที่จะทำให้การเก็บเงินทั้งง่าย สนุก และสำเร็จจริง!
- Piggipo
แอปนี้เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งจัดการรายจ่ายและออมเงินในเวลาเดียวกัน สามารถสร้างแผนออมเงินแบบรายวันหรือรายเดือน เช่น ตารางออมเงิน 30 วัน หรือตารางออมเงิน 50,000 ได้ด้วย มาพร้อมระบบแจ้งเตือนให้คุณไม่พลาดการเก็บเงินในแต่ละวัน แถมยังใช้งานง่าย เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง - Money Lover
แอปนี้นอกจากสามารถจดรายรับรายจ่ายได้แล้ว ยังสามารถตั้งเป้าหมายการออมเงินตามยอดที่ต้องการได้ เช่น ถ้าคุณตั้งเป้าเก็บเงิน 100,000 บาทภายในปีเดียว ก็สามารถสร้างตารางออมเงิน 100,000 ใน 1 ปี และดูความคืบหน้าได้ชัดเจนในแอป แถมยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สรุปรายจ่ายเป็นหมวดหมู่ และสามารถเชื่อมบัญชีต่อธนาคารได้ เพื่อตั้งงบประมาณล่วงหน้า เหมาะกับคนที่อยากรู้ภาพรวมทางการเงินของตัวเอง - TMRW by UOB
แอปนี้มีฟีเจอร์เด่น คือ การทำกระปุกเงินแบบเสมือนจริง และระบบออมเงินอัตโนมัติที่เชื่อมต่อบัญชีธนาคารโดยตรงตามวันที่กำหนดไป เช่น ทุกวันศุกร์ หรือทุกวันที่ 1 ของเดือน เงินในบัญชีธนาคารจะถูกถึงเข้ากระปุกเงินนี้ตามจำนวนเงินที่ตั้งค่าไว้ เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาจดหรือติดตามการออมด้วยตนเอง แต่ยังอยากออมเงินอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการใช้ตารางออมเงินแล้ว ยังมีวิธีเก็บเงินแบบอื่นอีกไหม
แม้ว่าการใช้ตารางออมเงินจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการวางแผนการเก็บเงิน แต่ก็ยังมีอีกหลายเทคนิคที่ช่วยให้คุณออมเงินได้ง่ายขึ้น ลองใช้วิธีเหล่านี้ควบคู่ไปกับตาราง แล้วคุณจะเก็บเงินได้ไวกว่าเดิม!
- ตั้งระบบหักเงินอัตโนมัติเข้าบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือน วิธีนี้ช่วยสร้างวินัยและลดโอกาสใช้เงินก่อนออม
- ใช้ซองเงินแยกหมวดหมู่ เช่น ค่ากิน ค่าเดินทาง และซองออมเงิน หากเหลือจากแต่ละหมวดสามารถนำไปเติมในซองออม
- ออมเศษเงินจากการใช้จ่ายในทุกครั้ง โดยลองปัดเศษให้เป็นจำนวนเต็ม แล้วนำเงินที่เหลือเก็บไว้ เช่น ซื้อกาแฟ 47 บาท ให้คิดว่าใช้ไป 50 แล้วเก็บ 3 บาทไว้
- ออมทุกครั้งที่มีรายได้พิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโบนัส รายได้จากงานพิเศษ หรือของขวัญเงินสด ควรแบ่งไว้ออมทันทีอย่างน้อย 20-30% แล้วใส่ในตารางออมเงินหรือกระปุกออมเงิน
- ท้าทายตัวเองด้วยเกมออมเงิน เช่น การออมแบบ 10 บาทวันแรก เพิ่มวันละ 10 บาท ไปจนครบ 30 วัน หรือแบบตารางออมเงิน 365 วัน ที่เพิ่มจำนวนเงินทุกวัน ซึ่งเป็นวิธีที่สนุกและเหมาะกับคนที่เบื่อการออมแบบเดิม ๆ
ตารางออมเงิน ช่วยให้มือใหม่เก็บเงินได้ง่ายขึ้น
ตารางออมเงิน คือเครื่องมือช่วยวางแผนเก็บเงินให้เป็นระบบและมีเป้าหมายชัดเจน ซึ่งมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ เช่น ตารางออมเงิน 10,000 ตารางออมเงิน 100,000 หรือตารางเก็บเงิน 30 วัน และในปัจจุบันยังมีแอปออมเงินอย่าง Piggipo, Money Lover ที่ช่วยให้การออมเงินนั้นได้ง่ายขึ้น และวิธีเสริมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การหักบัญชีอัตโนมัติ เป็นต้น การผสมผสานหลายวิธีเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเก็บเงินสำเร็จได้ไวขึ้น
