บ้านหมุนเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรได้บ้าง?

บ้านหมุน

หลายคนอาจเคยรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยเวลาเปลี่ยนท่าทาง เช่น ลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากรู้สึกเหมือนทุกอย่างหมุนรอบตัว ทั้งที่ยังอยู่นิ่ง ๆ อาการนั้นอาจไม่ใช่แค่เวียนหัวธรรมดา แต่อาจเป็นอาการบ้านหมุน ที่บ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบการทรงตัวโดยตรง และอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างได้เช่นกัน ลองเช็คอาการเวียนหัวบ้านหมุนเกิดจากอะไร? ได้ที่นี่!



บ้านหมุนคืออะไร

บ้านหมุน (Vertigo) เป็นอาการเวียนหัวที่ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน หรือร่างกายกำลังหมุนทั้งที่ไม่ได้เคลื่อนไหวจริง ๆ โดยอาการนี้มักเกิดขึ้นร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือเสียการทรงตัว ซึ่งต่างจากการเวียนหัวทั่วไปที่รู้สึกแค่เบลอหรือโคลงเคลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับภาวะขาดน้ำ ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้กระทั่งภาวะความดันโลหิตต่ำ


อาการบ้านหมุนเป็นอย่างไร 

อาการบ้านหมุนเกิดจากอะไร

อาการบ้านหมุน (Vertigo) คืออาการที่ผู้ป่วยรู้สึกว่าโลกหมุน หรือรู้สึกว่าร่างกายหมุนทั้งที่ไม่ได้เคลื่อนไหว อาการนี้มักจะเกิดขึ้นทันที และอาจมีความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • รู้สึกว่าทุกอย่างหมุนรอบตัว
  • เวียนหัวบ้านหมุนขณะเปลี่ยนท่า เช่น ลุกจากเตียง หรือนอนลง
  • คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
  • เดินเซ ทรงตัวลำบาก
  • ตาพร่า เห็นภาพซ้อน
  • หูอื้อ หรือรู้สึกแน่นหูในบางกรณี

ในบางคนที่นอนเฉย ๆ ก็เกิดอาการเวียนหัวบ้านหมุน หรือเกิดขณะที่เปลี่ยนท่าทางนอน สันนิษฐานได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนตัวของหินปูนในหูชั้นใน


บ้านหมุน มีสาเหตุเกิดจากอะไร 

โดยอาการบ้านหมุนเกิดจากความผิดปกติของระบบการทรงตัวในร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยหูชั้นใน ระบบประสาท และสมอง โดยสาเหตุที่พบบ่อยของโรคบ้านหมุน ได้แก่

  • หินปูนในหูชั้นในหลุด (BPPV) เป็นสาเหตุของบ้านหมุนที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนผิดตำแหน่ง ทำให้เมื่อเปลี่ยนท่าทางศีรษะ เช่น ลุกหรือนอน จะเกิดอาการเวียนหัวทันที
  • โรคเมเนียร์ (Meniere’s Disease) ที่เกิดจากความผิดปกติของของเหลวในหูชั้นใน ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนหัวบ้านหมุนร่วมกับอาการหูอื้อ และอาจสูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือถาวรในบางราย
  • การอักเสบของเส้นประสาททรงตัว ที่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ทำให้เกิดอาการเวียนหัวรุนแรงแบบเฉียบพลันร่วมกับอาการคลื่นไส้
  • ปัญหาทางระบบประสาทหรือสมอง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือเนื้องอกในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้น้อยกว่าแต่ต้องระวังอย่างมาก เพราะอาจมีอันตรายถึงชีวิต
  • ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือความดันโลหิตผิดปกติ แม้จะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของอาการบ้านหมุน แต่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ หรือรู้สึกโคลงเคลงได้

การวินิจฉัยอาการบ้านหมุนทำอย่างไร

รักษาโรคบ้านหมุน

เมื่อมีอาการบ้านหมุน ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยระดับของโรคอย่างถูกต้อง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น โดยขั้นตอนการตรวจร่างกายและทดสอบเฉพาะอาการของโรคนี้ มีดังนี้

  1. ซักประวัติอาการแบบละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทาง เช่น อาการบ้านหมุนเกิดเมื่อไหร่ นานแค่ไหน มีปัจจัยกระตุ้นหรือไม่ เช่น การเปลี่ยนท่าทาง มีอาการอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น คลื่นไส้ หูอื้อ หรือการได้ยินเปลี่ยนแปลง
  2. ตรวจการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของดวงตา เช่น Dix-Hallpike test เพื่อวินิจฉัยโรคหินปูนในหูชั้นในหลุด (BPPV) แพทย์จะให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าทางศีรษะแล้วสังเกตการเคลื่อนไหวของลูกตา (nystagmus) 
  3. ตรวจระบบประสาท เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกี่ยวข้องกับสมองหรือเส้นประสาท เช่น อัมพาตครึ่งหน้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือการตอบสนองของประสาทเสียไป
  4. ตรวจการได้ยินและระบบหูชั้นใน เพื่อใช้สำหรับแยกแยะว่า อาการบ้านหมุนเกิดจากปัญหาในหูชั้นในหรือสมอง ผ่านการทำ audiogram (ตรวจการได้ยิน) หรือ electronystagmography (ENG)
  5. ตรวจภาพสมองด้วย MRI หรือ CT Scan ในกรณีที่พบว่าคนไข้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เนื้องอกหรือหลอดเลือดในสมองผิดปกติ แพทย์อาจส่งตรวจเพิ่มเติมด้วยการถ่ายภาพสมอง

วิธีรักษาอาการบ้านหมุน

การรักษาอาการบ้านหมุนขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการที่แท้จริง ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัยก่อน และกำหนดแผนการรักษาให้เหมาะสม โดยแนวทางการรักษา มีดังนี้

  1. การรักษาด้วยท่าทาง (Positional Maneuvers) เช่น Epley Maneuver ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีหินปูนในหูชั้นในหลุด (BPPV) เป็นวิธีที่ได้ผลดีและทำให้อาการดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
  2. จากนั้นแพทย์จะให้ยาลดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ หรือยาแก้อักเสบในกรณีที่เกิดจากการติดเชื้อในหูชั้นใน เช่น ยา Betahistine, Meclizine หรือยาแก้แพ้ในบางราย
  3. การทำกายภาพบำบัดระบบทรงตัว (Vestibular Rehabilitation) เพื่อช่วยฝึกสมองให้ปรับตัวต่อความไม่สมดุลของระบบประสาท ช่วยลดอาการเวียนหัวจากบ้านหมุนได้ในระยะยาว
  4. การรักษาตามสาเหตุเฉพาะ เช่น หากบ้านหมุนเกิดจากโรคเมเนียร์ อาจต้องควบคุมอาหาร ลดเค็ม หรือลดความเครียด หากเกิดจากความผิดปกติของสมอง อาจต้องผ่าตัดหรือรักษาเฉพาะทาง
  5. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น หลีกเลี่ยงการลุกหรือนอนเร็วเกินไป ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอาการ เช่น แสงจ้า หรือการเคลื่อนไหวเร็ว ๆ

บ้านหมุน เข้าใจแนวทางการดูแลและป้องกันไม่ให้อาการกลับมาอีก

บ้านหมุน เป็นอาการเวียนหัวที่รู้สึกเหมือนโลกหมุนรอบตัว ซึ่งแตกต่างจากการเวียนหัวทั่วไป และมักเกิดจากความผิดปกติของระบบทรงตัวในหูชั้นในหรือสมอง สาเหตุของโรคบ้านหมุนเกิดจากหลายอย่าง เช่น หินปูนในหูหลุด โรคเมเนียร์ หรือการติดเชื้อที่เส้นประสาททรงตัว การวินิจฉัยที่แม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถรักษาได้ตรงจุด ทั้งด้วยยา การปรับพฤติกรรม หรือการทำกายภาพบำบัด

หากพบว่ามีอาการเวียนหัวบ้านหมุน ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษา ไม่ควรปล่อยไว้จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะถึงแม้ว่าอาการจะดูไม่ร้ายแรง แต่หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่แทรกซ้อนตามมาในภายหลังได้


รับฟรี! รวมโพสขายดี