
การเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน โดยประกันชั้น 3 ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองพื้นฐานในราคาที่เข้าถึงได้ ประกันประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองค่าเสียหายกับบุคคลภายนอกเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่มีความชำนาญ เจ้าของรถเก่า หรือผู้ที่ใช้รถไม่บ่อยนัก บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับประกันชั้น 3 อย่างละเอียด ทั้งความคุ้มครอง ข้อดีข้อเสีย และวิธีเลือกซื้อประกันที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
ประกันรถยนต์ชั้น 3 เหมาะกับใครบ้าง?
ประกันรถยนต์ชั้น 3 เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่อาจเกิดกับคู่กรณี โดยไม่ครอบคลุมความเสียหายของรถตนเอง โดยประกันชั้น 3 เหมาะสำหรับผู้ใช้รถที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องการประหยัดงบทำประกันชั้น 3 – เพราะเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 3 ราคาถูกที่สุด ให้ความคุ้มครองเฉพาะส่วนในราคาที่คุ้มค่า
- ผู้ที่ใช้งานรถยนต์มือสอง – เป็นรถยนต์มือสองหรือรุ่นเก่าที่ผ่านการใช้งานมาแล้วและต้องการความคุ้มครองหากรถชน
- ผู้ที่ใช้รถน้อย – นาน ๆ ขับสักครั้ง แต่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุและต้องชดใช้คู่กรณี
- ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ – สามารถซ่อมรถเองได้ ไม่กังวลเรื่องความสวยงามของรถ แต่ต้องการความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่อาจเกิดกับคู่กรณี
นอกจากนี้ประเภทรถที่เหมาะกับประกันชั้น 3 ได้แก่ รถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน รถเก่าอายุ 7-10 ปีขึ้นไป (ไม่จำกัดอายุรถ แม้จะเป็นรถเก่า 20 ปีก็ทำได้) รวมไปถึงรถมือสองอีกด้วย เนื่องจากเจ้าของรถประเภทเหล่านี้อาจไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาบ่อย ๆ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นลงได้
รถเก่าทำประกันชั้น 3 ได้ไหม? มีเงื่อนไขหรือไม่?
แน่นอนว่าหลายคนอาจมีคำถามในใจว่าหากเป็นรถเก่าจะสามารถทำประกันชั้น 3 ได้หรือไม่ คำตอบก็คือได้อย่างแน่นอน โดยบริษัทประกันยินดีรับประกันรถยนต์ที่มีอายุสูงถึง 30 ปี เพียงแค่รถยังใช้งานได้และมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ก็วางใจได้ว่ารถคันเก่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันจะได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุกับคู่กรณี ประกันภัยชั้น 3 จึงถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเจ้าของรถเก่าที่ต้องการความอุ่นใจบนท้องถนนโดยไม่ต้องแบกรับค่าเบี้ยประกันรถยนต์สูง ๆ
ประกันชั้น 3 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง?
หลายคนมักจะสงสัยกันว่า ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง? ประกันชั้น 3 มอบความคุ้มครองครอบคลุม 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
- การรับผิดต่อบุคคลอื่น เมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด
- ชดเชยค่าเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินบุคคลที่สาม
- รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของบุคคลที่ได้รับผลกระทบ
- คุ้มครองด้านอุบัติเหตุสำหรับผู้ใช้รถ ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน
- ครอบคลุมค่ารักษาสำหรับทั้งคนขับและผู้ร่วมเดินทาง
- มอบเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือพิการถาวร
- วงเงินสำหรับประกันตัว หากมีการฟ้องร้องคดีอาญาจากอุบัติเหตุ
- สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประกันตัวระหว่างการดำเนินคดี
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ ประกันประเภท 3 ไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดกับยานพาหนะของผู้ทำประกันเอง แต่เน้นปกป้องความรับผิดชอบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้อื่นและผู้โดยสารในรถของคุณ
ประกันชั้น 3 กับ ประกันชั้น 3+ มีความแตกต่างกันอย่างไร?

ประกันชั้น 3 และชั้น 3+ มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้
ประกันรถยนต์ชั้น 3
- คุ้มครองชีวิตและร่างกายของทั้งสองฝ่าย
- รับผิดชอบค่าซ่อมรถของคู่กรณีเท่านั้น
- ไม่คุ้มครองความเสียหายของรถผู้เอาประกัน (ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมรถตัวเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ)
- ไม่คุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้
- ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุรถ แม้รถจะอายุ 10-30 ปีก็ทำประกันได้
ประกันรถยนต์ชั้น 3+
- คุ้มครองชีวิตและร่างกายของทั้งสองฝ่าย เช่นเดียวกับประกันชั้น 3
- รับผิดชอบค่าซ่อมรถของคู่กรณี
- คุ้มครองเพิ่มเติม: รับผิดชอบค่าซ่อมรถผู้เอาประกันด้วย (เฉพาะกรณีชนกับรถคันอื่น)
- ไม่คุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้เช่นกัน
- เหมาะกับรถที่ไม่ได้ติดแก๊สซึ่งมีความเสี่ยงต่อไฟไหม้น้อย
จุดเด่นของประกันชั้น 3+ คือ การเพิ่มความคุ้มครองในส่วนของรถผู้เอาประกัน ทำให้มีความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 2+ มากขึ้น ในขณะที่ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดกับคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งทำให้ประกันชั้น 3+ มีเบี้ยประกันสูงกว่าประกันชั้น 3 นั่นเอง
ซื้อประกันชั้น 3 บริษัทไหนดี? มีวิธีการเลือกอย่างไร?
โดยปกติแล้วการเลือกประกันรถชั้น 3 สามารถเลือกได้จากหลายปัจจัย เพื่อให้เราสามารถได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละบุคคลมากที่สุด โดยการเลือกซื้อประกันชั้น 3 ควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น
- ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน – ตรวจสอบประวัติ ชื่อเสียง และความมั่นคงทางการเงิน
- ราคาเบี้ยประกัน – เปรียบเทียบราคาระหว่างบริษัทต่าง ๆ เพื่อหาความคุ้มค่าที่เหมาะสม
- วงเงินคุ้มครอง – พิจารณาวงเงินคุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอกว่าเพียงพอหรือไม่
- ความสะดวกในการเคลม – ศูนย์บริการครอบคลุมพื้นที่ใช้งาน ขั้นตอนการเคลมไม่ยุ่งยาก
- อู่ซ่อมในเครือข่าย – จำนวนและคุณภาพของอู่ซ่อมที่บริษัทมีสัญญาด้วย
- ระยะเวลาในการชดเชยค่าเสียหาย – ความรวดเร็วในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน
- เงื่อนไขและข้อยกเว้นในกรมธรรม์ – อ่านรายละเอียดเงื่อนไขประกันชั้น 3 ให้ละเอียด
- ความคิดเห็นจากลูกค้าเก่า – รีวิวและประสบการณ์จากผู้ใช้บริการจริง
- ความยืดหยุ่นในการปรับแต่งแผนความคุ้มครอง – โอกาสในการเพิ่มหรือลดความคุ้มครองตามความต้องการ
ประกันชั้น 3 ครอบคลุมความคุ้มครองที่จำเป็น
ประกันชั้น 3 เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองพื้นฐานในราคาประหยัด โดยมุ่งเน้นรับผิดชอบความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน รวมถึงคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลและค่าประกันตัว แต่ไม่รวมความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน หากต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับรถของตนเอง การพิจารณาทำประกันชั้น 3+ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ทั้งนี้ การเลือกซื้อประกันที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งความน่าเชื่อถือของบริษัท วงเงินคุ้มครอง และบริการเสริมต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าและตรงกับความต้องการมากที่สุด