
การบริหารจัดการองค์กรในปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในหลายองค์กรได้เริ่มใช้ Objectives and Key Results (OKR) แทนที่การวัดผลลัพธ์แบบ Key Performance Indicators (KPI) ที่ใช้กันมายาวนาน การวัดผลลัพธ์แบบ OKR นี้ถูกนำมาใช้โดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่ง และกำลังแพร่หลายไปยังองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยความยืดหยุ่นและการมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่สำคัญ OKR จึงตอบโจทย์การทำงานในยุคที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว
ในบทความนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันว่า OKR คืออะไร? มีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไรบ้าง พร้อมอธิบายว่า OKR แตกต่างกับ KPI อย่างไร รวมไปถึงแนะนำตัวอย่างการเขียน OKR ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ทำความรู้จักกับ OKR

OKR ย่อมาจาก Objectives and Key Results เป็นระบบการบริหารจัดการที่มุ่งเน้นการกำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ที่สำคัญ แนวคิดหลักของ OKR คือการสร้างความชัดเจนในทิศทางขององค์กรและทีม โดยกำหนดวัตถุประสงค์ที่ท้าทายและวัดผลได้ ควบคู่กับการระบุผลลัพธ์หลักที่จะบ่งชี้ความสำเร็จ OKR ช่วยสร้างการ Align (การจัดแนวทาง) ในองค์กร โดยทำให้เป้าหมายของแต่ละบุคคลและทีมสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กร ส่งเสริมให้ทุกคนเข้าใจบทบาทของตนในภาพรวม
นอกจากนี้ OKR ยังมีส่วนสำคัญในการทำ Team Building (การสร้างทีม) ด้วยการส่งเสริมการสื่อสาร ความโปร่งใส และการทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วม ทำให้สมาชิกในทีมมีส่วนร่วมในการกำหนดและติดตาม OKR ส่งผลให้เกิดความผูกพันและความรับผิดชอบร่วมกันในการสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณค่าต่อองค์กร
OKR มีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร
การนำ OKR มาใช้ในองค์กรนั้นมีประโยชน์หลายด้าน ด้านแรก OKR จะช่วยสร้างความชัดเจนให้กับเป้าหมายขององค์กร ทำให้ทุกคนเข้าใจทิศทางและลำดับความสำคัญได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ OKR ยังส่งเสริมการทำงานแบบ Agile โดยกำหนดเป้าหมายในระยะสั้นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ช่วยให้องค์กรตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วขึ้น OKR ยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน เนื่องจากทุกคนสามารถเห็นเป้าหมายและความคืบหน้าของทีมอื่น ๆ ได้ ส่งผลให้เกิดการประสานงานและความร่วมมือที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ OKR ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และส่งเสริมให้ทีมคิดนอกกรอบเพื่อบรรลุเป้าหมายที่มีท้าทาย สุดท้าย OKR จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของพนักงานต่อองค์กร เพราะทุกคนจะเห็นว่างานของตนมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างไร ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจและความกระตือรือร้นในการทำงานมากยิ่งขึ้น
ควรตั้ง OKR อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
การตั้ง OKR ที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ OKR ที่ดีจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ กำหนดทิศทาง และกระตุ้นให้ทีมทำงานอย่างมีเป้าหมาย โดยหลักการสำคัญในการตั้ง OKR ให้มีประสิทธิภาพจะมีดังนี้
- ตั้งวัตถุประสงค์ที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ โดยใช้ภาษาที่ชัดเจนและสร้างแรงจูงใจ
- กำหนด Key Results ที่สามารถวัดผลได้ โดยเลือกใช้ตัวชี้วัดที่สะท้อนความสำเร็จของวัตถุประสงค์
- จำกัดจำนวน OKR โดยควรตั้ง Objectives ไม่เกิน 3-5 ข้อต่อไตรมาส และกำหนด Key Results 3-5 ข้อต่อ Objectives
- ตั้ง OKR ให้สอดคล้องกับเป้าหมายองค์กร โดยเชื่อมโยง OKR ของทีมและบุคคลกับเป้าหมายระดับองค์กร เพื่อสร้างความเข้าใจว่าแต่ละ OKR มีส่วนช่วยองค์กรอย่างไร
- ควรมีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ควรทบทวนและปรับปรุง OKR เป็นประจำ
- มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่ใช่การรายการงานที่ต้องทำ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการหาวิธีบรรลุเป้าหมาย
OKR กับ KPI มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร
ทั้ง OKR กับ KPI ต่างก็เป็นเครื่องมือในการวัดผลการดำเนินงานขององค์กรทั้งคู่ แม้จะมีจุดมุ่งหมายคล้ายกันในการประเมินความสำเร็จ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ ทั้งสองระบบจะเน้นการกำหนดเป้าหมายและวัดผลลัพธ์ โดยมุ่งหวังให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ทั้ง OKR กับ KPI ยังช่วยในการสื่อสารเป้าหมายและความคาดหวังขององค์กรไปยังพนักงานทุกระดับ ทำให้เกิดความเข้าใจร่วมกันและการทำงานที่สอดคล้องกัน
อย่างไรก็ตาม OKR กับ KPI ก็มีความแตกต่างกันในหลายด้าน โดย OKR มักจะมุ่งเน้นเป้าหมายที่ท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจมากกว่าโดยจะส่งเสริมให้ทีมคิดนอกกรอบ ในขณะที่ KPI มักจะเน้นการวัดผลการดำเนินงานที่เป็นมาตรฐานและคาดการณ์ได้ อีกทั้ง OKR จะมีความยืดหยุ่นสูงกว่าและมักถูกกำหนดและทบทวนเป็นรายไตรมาส ในขณะที่ KPI มักจะคงที่และวัดผลในระยะยาว
นอกจากนี้ OKR ยังเน้นการมีส่วนร่วมของพนักงานในการกำหนดเป้าหมาย ในขณะที่ KPI มักจะถูกกำหนดจากผู้ที่มีระดับสูง ๆ ลงมา ด้วยลักษณะที่แตกต่างกันนี้หลายองค์กรจึงนิยมเลือกใช้ทั้ง OKR และ KPI ร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารและพัฒนาองค์กร
บทสรุปเกี่ยวกับ OKR และการดำเนินงานขององค์กร
OKR เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในปัจจุบัน ด้วยการกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายและวัดผลลัพธ์ที่ชัดเจน OKR จะช่วยสร้างความสอดคล้อง และความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานและกระตุ้นให้เกิดการคิดนอกกรอบ การนำ OKR มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้องค์กรปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุด OKR ไม่เพียงแต่เป็นระบบการวัดผล แต่ยังเป็นแนวทางในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายชัดเจน และพร้อมเติบโตในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว