ขนาดกล่องพัสดุที่นิยมใช้ส่งของ ขนาดไหนเหมาะกับสินค้าประเภทใด

Box

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การซื้อขายสินค้าออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ การขนส่งจึงเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการส่งสินค้าจากโรงงานไปยังร้านค้า หรือจากร้านค้าออนไลน์ไปถึงมือผู้บริโภค การขนส่งมีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจเข้าด้วยกัน

การเลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลกระทบต่อต้นทุนและประสิทธิภาพของการขนส่งอย่างมาก หากกล่องใหญ่เกินไป จะทำให้เสียพื้นที่ในการขนส่ง และอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง ในทางกลับกัน หากกล่องเล็กเกินไป สินค้าอาจเสียหายได้ระหว่างการขนส่ง



รายละเอียดขนาดกล่องพัสดุที่มีจัดจำหน่ายในปัจจุบัน

กล่องพัสดุมีหลากหลายขนาดและรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับสินค้าประเภทต่าง ๆ และปริมาณที่แตกต่างกัน การเลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนในการขนส่ง ป้องกันสินค้าเสียหาย และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ขนาดของกล่องพัสดุที่มีจัดจำหน่ายในปัจจุบัน ได้แก่

  • เบอร์ A ขนาดกล่อง 14 x 20 x 6 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดกลาง เช่น เสื้อผ้า รองเท้า
  • เบอร์ B ขนาดกล่อง 17 x 25 x 9 ซม. เหมาะสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
  • เบอร์ C ขนาดกล่อง 20 x 30 x 11 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย
  • เบอร์ D ขนาดกล่อง 22 x 35 x 14 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่
  • เบอร์ E ขนาดกล่อง 24 x 40 x 17 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่
  • เบอร์ F ขนาดกล่อง 30 x 45 x 20 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ
  • เบอร์ G ขนาดกล่อง 31 x 36 x 26 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ
  • เบอร์ H ขนาดกล่อง 40 x 45 x 34 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ
  • เบอร์ I ขนาดกล่อง 45 x 55 x 40 ซม. เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษมาก
ขนาดของกล่องพัสดุ

ขอบคุณรูปภาพจาก RNP Express

ไม่มีขนาดกล่องพัสดุที่ยาวตามต้องการ ทำยังไงดี?

ปัญหาเรื่องการหาขนาดกล่องพัสดุที่พอดีกับของที่ต้องการส่งเป็นเรื่องที่หลายคนเคยเจอ โดยเฉพาะขนาดลังพัสดุสั้นไป ไม่พอดีกับรูปทรงของสินค้า การแก้ปัญหานี้มีหลายขั้นตอน ได้แก่

  • ขั้นตอนที่ 1: เตรียมอุปกรณ์
  1. กล่องพัสดุ: เลือกขนาดกล่องพัสดุที่ใกล้เคียงกับความกว้างและความสูงของสินค้าที่ต้องการบรรจุ
  2. คัตเตอร์: ใช้สำหรับตัดกล่อง
  3. เทปกาว: เลือกเทปกาวที่แข็งแรง เช่น เทปกระดาษ หรือเทปผ้า
  4. ไม้บรรทัดหรือเส้นตรง: ใช้สำหรับวัดและทำเครื่องหมาย
  5. ดินสอ: ใช้สำหรับขีดเส้น
  • ขั้นตอนที่ 2: ทำการตัดฝากล่องด้านข้างของตรงกลางกล่องพัสดุออก
  1. วัดและทำเครื่องหมาย: วัดจากด้านบนของกล่องลงมาประมาณ 1/3 ของความสูงกล่อง จากนั้นใช้ดินสอขีดเส้นตรงตามความยาวของกล่องทั้งสองด้าน
  2. ตัดตามเส้นที่ทำเครื่องหมาย: ใช้คัตเตอร์ตัดตามเส้นที่ขีดไว้ทั้งสองด้าน
  3. ส่วนที่ตัดออกสามารถนำมาใช้เป็นแผ่นรองเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล่องได้
  • ขั้นตอนที่ 3: ทำการพับฝากล่องให้เยื้อง ๆ กลับตัวกล่องเป็นแนวยาว
  1. พับฝากล่อง: พับส่วนที่ตัดออกในขั้นตอนที่ 2 ให้เยื้องเข้าไปด้านในกล่องเล็กน้อย เพื่อให้ได้พื้นที่ว่างสำหรับบรรจุสินค้า
  2. ปรับระดับความสูง: ปรับระดับความสูงของส่วนที่พับขึ้นมาให้เหมาะสมกับความยาวของสินค้า
  • ขั้นตอนที่ 4: ปิดเทปกาว (แบบใดก็ได้) ตามรอยต่อทั้ง 4 ด้านของกล่อง
  1. ปิดเทปกาว: ใช้เทปกาวปิดรอยต่อของส่วนที่พับขึ้นมาให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้เปิดออกระหว่างการขนส่ง
  2. ปิดเทปตามขอบ: ปิดเทปตามขอบของกล่องทั้งหมด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความมั่นคง
  • ขั้นตอนที่ 5: ตรวจสอบด้านความแข็งแรง ตำหนิกล่อง
  1. ตรวจสอบรอยต่อ: ตรวจสอบรอยต่อของเทปกาวให้แน่นหนา
  2. ตรวจสอบความแข็งแรง: กดตรงบริเวณรอยต่อและส่วนที่พับขึ้นมา เพื่อตรวจสอบความแข็งแรง
  3. ตรวจสอบตำหนิ: ตรวจสอบว่ามีรอยฉีกขาดหรือตำหนิอื่นๆ บนกล่องหรือไม่

รู้หรือไม่? ขนาดกล่องพัสดุก็อาจส่งผลต่อค่าขนส่งได้

ขนาดกล่องพัสดุส่งผลต่อค่าขนส่ง

โดยเหตุผลที่ขนาดกล่องพัสดุส่งผลต่อค่าขนส่งได้เพราะบริษัทขนส่งไม่ได้คิดค่าส่งแค่จากน้ำหนักอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงขนาดของกล่องด้วย โดยเหตุผลที่ต้องคิดค่าเพิ่มสำหรับกล่องพัสดุขนาดใหญ่ ได้แก่

  • ปริมาตร: กล่องใหญ่กินพื้นที่มากขึ้นในรถขนส่ง ทำให้ขนส่งได้น้อยลง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของบริษัท
  • ต้นทุน: การจัดการและขนส่งกล่องขนาดใหญ่ต้องใช้ทรัพยากรมากกว่า เช่น พนักงานในการยกและจัดเรียง ทำให้ต้นทุนในการขนส่งเพิ่มขึ้น

โดยทั่วไป บริษัทขนส่งจะมีการกำหนดขนาดกล่องพัสดุขนาดมาตรฐาน และกำหนดอัตราค่าส่งตามขนาดนั้น หากกล่องมีขนาดของกล่องใหญ่กว่ามาตรฐานที่กำหนด ก็จะถูกคิดค่าส่งตามขนาดที่ใหญ่ขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ

สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม:

  • น้ำหนัก: แม้ว่าไซส์กล่องพัสดุจะมีขนาดเล็ก แต่ถ้ามีน้ำหนักเกินที่กำหนดไว้สำหรับขนาดกล่องนั้น ก็จะถูกคิดค่าส่งตามขนาดกล่องที่ใหญ่ขึ้นเช่นกัน
  • แต่ละบริษัทมีกฎเกณฑ์แตกต่างกัน: อัตราค่าส่งและวิธีการคำนวณอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัทขนส่ง ควรตรวจสอบรายละเอียดกับบริษัทที่จะใช้บริการโดยตรง
  • การเลือกขนาดกล่องให้เหมาะสม: การเลือกขนาดไซส์กล่องพัสดุให้พอดีกับสินค้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งได้

สรุปเกี่ยวกับขนาดกล่องพัสดุ

การขนส่งพัสดุในปัจจุบันมีความสำคัญเนื่องจากการทำธุกิจต่าง ๆ โดยการเลือกขนาดกล่องพัสดุให้เข้ากับพัสดุที่ต้องการจะส่ง จะช่วยให้ประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายไปได้เป็นอย่างมาก

รับฟรี! รวมโพสขายดี