หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อายุ 30 ไม่มีเงินเก็บ รู้หรือไม่ว่า ช่วงอายุ 30 ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องเริ่มจริงจังกับอนาคต เพราะเมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30 หลายคนเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ทั้งหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ และที่สำคัญคือ “เงินเก็บ” หลายคนอาจยังไม่มีเงินเก็บก้อนโต หรือยังไม่มีแผนการเงินที่ชัดเจน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อชีวิตในวัยเกษียณได้ ดังนั้น บทความนี้ ขอแนะนำ 5 วิธีสำหรับคนอายุ 30 เงินเก็บยังไม่มากพอ เพื่อให้สามารถเก็บเงินได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจ
ช่วงอายุ 30 เงินเก็บมีความสำคัญอย่างไร?
เมื่ออายุ 30 มีเงินเก็บเท่าไหร่ เป็นคำถามที่หลายคนอาจจะสงสัย ว่า ทำไมจะต้องเก็บเงินไว้ด้วย ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เงินเก็บเปรียบเสมือนรากฐานที่แข็งแรง ช่วยให้เผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างมั่นใจ โดยเงินเก็บมีความสำคัญ เช่น เพิ่มความมั่นคงทางการเงิน รองรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เพิ่มมีอิสรภาพทางการเงิน ทำให้มีทางเลือกมากขึ้น สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ และสร้างอนาคตที่มั่นคงได้
โดยเฉพาะช่วงอายุ 30 เงินเก็บเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะอายุ 30 ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของชีวิต หลายคนเริ่มมีครอบครัว มีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น พร้อม ๆ กับมีโอกาสและความรับผิดชอบใหม่ ๆ เกิดขึ้น การเริ่มต้นเก็บเงินอย่างจริงจังในวัยนี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคต อีกทั้งการมีเงินเก็บไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องของความมั่นคง อิสรภาพ และความมั่นใจในตนเอง ดังนั้น ในอายุ 30 เงินเก็บจึงจำเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผล ดังต่อไปนี้
1.สร้างความมั่นคงทางการเงิน
- วัย 30 เป็นช่วงที่มีรายได้ค่อนข้างมั่นคง หลายคนเริ่มมีเงินเดือนที่สูงขึ้น การออมเงินในช่วงนี้ จะช่วยให้มีเงินสำรองเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น การเจ็บป่วย การตกงาน หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอื่น ๆ
- เงินออมยังช่วยให้บรรเทาความกังวลเรื่องการเงิน ทำให้มีอิสระในการใช้ชีวิต ตัดสินใจ และวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นใจ
2.เตรียมพร้อมสำหรับเป้าหมายระยะยาว ไมว่าจะเป็นการซื้อบ้าน การแต่งงาน การมีบุตร การศึกษาต่อ หรือการเกษียณอายุ ล้วนเป็นเป้าหมายระยะยาวที่ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย การเริ่มต้นเก็บเงินตั้งแต่วัย 30 จะทำให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระหนี้สินในอนาคต
3.เพิ่มพูนความมั่นคง เพราะเงินออมเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกเงยเป็นผลตอบแทนที่งดงาม การออมเงินตั้งแต่วัย 30 ยังมีเวลาอีกยาวนานพอที่จะต่อยอดเงินออมให้เติบโต ผ่านเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ เช่น กองทุนรวม ประกันชีวิต หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
4.สร้างนิสัยการออมที่ดี ด้วยการเริ่มต้นเก็บเงินตั้งแต่วัย 30 จะช่วยให้มีนิสัยการออมเงินที่ดี มีวินัย และรู้จักใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะส่งผลดีต่อชีวิตทางการเงินในระยะยาว
5.ลดความเสี่ยงในอนาคต เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายย่อมเสื่อมโทรม โอกาสในการทำงาน หรือการหารายได้อาจลดลง การมีเงินออมเพียงพอ จะช่วยให้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม การเก็บเงินในวัย 30 อาจดูเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยวินัย ความอดทน และการวางแผนอย่างรอบคอบ ทุกคนก็สามารถเริ่มต้นเก็บเงินและสร้างอนาคตที่มั่นคงได้ ดังนั้น ในช่วงอายุ 30 เงินเก็บก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เมื่อถึงอายุ 30 ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่
แล้วอายุ 30 ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ จำนวนเงินเก็บที่ “พอ” ในช่วงอายุ 30 ของแต่ละคนอาจจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ประการ โดยมีปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้
- รายได้: เงินเดือน โบนัส รายได้เสริม ฯลฯ
- ค่าใช้จ่าย: ค่าเช่า ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ฯลฯ
- เป้าหมายทางการเงิน: การซื้อบ้าน การแต่งงาน การมีบุตร การศึกษาต่อ การเกษียณอายุ ฯลฯ
- ภาระหนี้สิน: สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ บัตรเครดิต ฯลฯ
- ไลฟ์สไตล์: การใช้จ่าย การท่องเที่ยว ความชอบส่วนตัว ฯลฯ
แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินมักแนะนำให้ผู้มีอายุ 30 เงินเก็บควรมีอย่างน้อยประมาณ 3 – 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้ เป็นเพียงแนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น ดังนั้น แต่ละคนควรปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวเอง เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินสำหรับช่วงวัยอายุ 30 เงินเก็บก็มีเพียงพอ
5 วิธีเก็บเงิน อายุ 30 ก็เก็บเงินได้ไม่ยาก
แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจ หรือปัญหาการทำงาน ทำให้คนอายุ 30 ไม่มีเงินเก็บกันหลายคน ดังนั้น จึงขอแนะนำ 5 วิธีสำหรับคนอายุ 30 ให้สามารถเก็บเงินได้ ดังนี้
1. เปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการเก็บเงินใหม่
คนอายุ 30 ไม่มีเงินเก็บกันหลายคน ส่วนหนึ่งมาจากการคิดว่า ไว้ค่อยเก็บเงินอนาคตก็ได้ ยังมีเวลาอีกมากมาย หรือบางคนก็ไม่เห็นความสำคัญของการเก็บเงิน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีคิดที่ผิด วิธีคิดของหลายคนในอายุ 30 เงินเก็บ คือเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เงินเก็บจะต้องนำมาหักออกจากรายได้ แล้วเงินส่วนที่เหลือจึงกลายเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน สามารถอธิบายได้ง่าย ๆ คือ คิดว่า รายได้ – ค่าใช้จ่าย = เงินเก็บ แต่จริง ๆ แล้ว ควรเป็น รายได้ – เงินเก็บ = ค่าใช้จ่าย ต่างหาก
ด้วยคนอายุ 30 เงินเก็บเป็นสิ่งสำคัญ วิธีคิดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพราะหากยังคิดแบบผิด ๆ ก็ย่อมส่งผลให้มีพฤติกรรมแบบเดิม ก็จะกลายเป็นคนอายุ 30 ไม่มีเงินเก็บเช่นเดิม ดังนั้น หากเปลี่ยนวิธีคิด มองว่า เงินเก็บ คือ สิ่งสำคัญ จำเป็นต้องเริ่มเก็บ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสความมั่งคั่งมั่นคง มีอิสรภาพทางการเงินในอนาคตได้ ตลอดจนถึงวันเกษียณอีกด้วย
2. ตั้งเป้าหมายการออม
เมื่อมีการเปลี่ยนวิธีคิดสำหรับคนอายุ 30 เงินเก็บเป็นสิ่งจำเป็น ลำดับถัดมา คือ การตั้งเป้าหมายการออม ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศนำทาง ให้เราทราบว่า ควรเก็บเงินไปเพื่ออะไร เก็บเท่าไหร่ เก็บอย่างไร และใช้ระยะเวลานานแค่ไหน หากยังไม่รู้ว่า อายุ 30 ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ สามารถคาดการณ์ได้จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- ระบุเป้าหมาย ด้วยการลองถามตัวเองว่า ต้องการเก็บเงินไปเพื่ออะไร, เป้าหมายนั้นสำคัญกับเราแค่ไหน, เป้าหมายนั้นสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่
- กำหนดรายละเอียดของเป้าหมาย ว่า เป้าหมายนั้นต้องการเงินจำนวนเท่าไหร่, ต้องเก็บเงินนานแค่ไหน, จะเก็บเงินอย่างไร
- หมั่นติดตามและทบทวนเป้าหมายเป็นประจำ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนการออมให้เหมาะสม
โดยส่วนใหญ่แล้ว คนอายุ 30 เงินเก็บมักมีไว้สำหรับการเกษียณ ซึ่งในวันที่เกษียณ จะไม่ได้รับรายได้ต่อเดือนด้วยการทำงานหลักอีกต่อไป แต่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ยังคงเกิดขึ้น แต่อาจจะมีปัจจัยอื่นเสริมเข้ามามากขึ้น เช่น ไม่มีค่าเดินทางสำหรับการไปทำงาน, มีค่ารักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้นด้วยสุขภาพที่แย่ลง, อัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี เป็นต้น ดังนั้น ในการคำนวณว่า อายุ 30 ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ จึงควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเหล่านี้ในวันเกษียณร่วมด้วย
3. วางแผนการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม
อีกวิธีสำหรับอายุ 30 เงินเก็บให้ได้ผล คือ การวางแผนการใช้จ่าย เปรียบเสมือนการบริหารจัดการเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพียงพอต่อความต้องการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินขาดมือ หรือมีหนี้สินสะสม โดยเริ่มจาก
- จดบันทึกรายรับรายจ่าย เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน พร้อมทั้งแยกประเภทค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าช้อปปิ้ง ค่าผ่อนบ้าน ฯลฯ
- วิเคราะห์การใช้จ่าย เพื่อดูว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายประเภทไหนที่จำเป็น และค่าใช้จ่ายประเภทไหนที่ฟุ่มเฟือย เป็นการหาสาเหตุของค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย และหาวิธีแก้ไข
- กำหนดจำนวนเงินที่ใช้จ่ายสำหรับแต่ละประเภท โดยงบประมาณควรสอดคล้องกับรายรับ และความเป็นจริง สามารถใช้หลัก 50/30/20 แบ่งเงินเป็น 3 ส่วน คือ 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว และ 20% สำหรับการออมและลงทุน
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย เช่น หาทางลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น, เลือกซื้อของที่จำเป็น และเปรียบเทียบราคา, ใช้โปรโมชั่น ส่วนลด และสะสมแต้ม, วางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้า ก่อนออกไปช้อปปิ้ง
4. เพิ่มเงินเก็บด้วยช่องทางต่าง ๆ
สำหรับการเพิ่มเงินเก็บนั้น สามารถทำได้หลายวิธีและทำได้ทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะคนอายุ 30 ไม่มีเงินเก็บ วิธีนี้ ถือว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยให้คนอายุ 30 เงินเก็บได้มากขึ้น เช่น
- หางานเสริม ไม่ว่าจะเป็นทำงานออนไลน์ (รับงานเขียน, แปลภาษา, ออกแบบ, เขียนโปรแกรม ฯลฯ), ทำงานฟรีแลนซ์ (รับงานถ่ายภาพ-วิดีโอ, เขียนบทความ ฯลฯ) หรือทำงานพาร์ทไทม์ (ร้านอาหาร, ร้านค้า, โรงแรม ฯลฯ)
- ขายของต่าง ๆ เช่น ขายของออนไลน์, ขายสินค้ามือสอง สินค้า handmade สินค้าพรีออเดอร์, ขายของตามตลาดนัด, ขายผ่าน Facebook, Instagram, Shopee, Lazada ฯลฯ
- ลงทุนระยะสั้น เช่น หุ้น, ทองคำ, เงินดิจิทัล, กองทุนรวม, ตราสารหนี้, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน โดยศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ความเสี่ยง และกระจายความเสี่ยง โดยลงทุนในหลาย ๆ สินทรัพย์ เลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม และลงทุนอย่างชาญฉลาด เพราะหากศึกษาข้อมูลไม่ละเอียดหรือรอบคอบมากพอ โดยเฉพาะอายุ 30 เงินเก็บอาจจะหมดไปกับการลงทุนเหล่านี้ก็เป็นได้
5. ใช้ตัวช่วยให้อายุ 30 แล้วมีเงินเก็บ
หลายคนที่อายุ 30 เงินเก็บยังไม่รู้ว่า ควรจะเริ่มต้นอย่างไร โดยหลายคนมักประสบปัญหาเก็บเงินไม่อยู่ เพราะเผลอใช้จ่ายก่อน ส่งผลให้อายุ 30 ไม่มีเงินเก็บ ซึ่งในปัจจุบัน หลาย ๆ สถาบันการเงินได้ออกแบบฟีเจอร์ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนสามารถเก็บเงินได้ง่ายขึ้น เช่น
- ตั้งค่าโอนเงินออมเข้าบัญชีออมทรัพย์ทันทีหลังเงินเดือนออก เป็นการสร้างวินัยในการออมเงินโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังต้องกังวลเรื่องลืมออม เพราะระบบจะโอนเงินให้เองทุกเดือน
- การแยกกระเป๋าภายในแอปพลิเคชั่น โดยระบุวัตถุประสงค์ในการออมของแต่ละกระเป๋า เช่น ซื้อบ้าน, ท่องเที่ยว, ค่าเล่าเรียน, เก็บเงินสำหรับเกษียณ เป็นต้น
- มีการสรุปรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์การใช้เงินของตนเองได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้บริหารจัดการการใช้จ่ายได้สมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น
สรุปแล้ว อายุ 30 เงินเก็บควรมีเท่าไหร่
หลายคนอาจจะประสบปัญหาอายุ 30 ไม่มีเงินเก็บ แต่ด้วยช่วงวัยดังกล่าว ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต บางคนอาจจะมีครอบครัว มีโอกาสและความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น แล้วอายุ 30 ควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นรายได้, ค่าใช้จ่าย, เป้าหมายทางการเงิน, ภาระหนี้สิน และรูปแบบการใช้ชีวิตในอนาคต ดังนั้น คนวัยอายุ 30 เงินเก็บจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อใช้ในการวางแผนให้สามารถดำเนินชีวิตวัยเกษียณได้อย่างมั่นคงและสุขสบาย