ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก ทำให้มีทรัพยากรน้อยกว่าหลายประเทศ แต่ก็เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการไปทั่วโลก และด้วยเหตุผลนี่เองทำให้ญี่ปุ่นต้องนำเข้าสินค้าจากนานาประเทศ ซึ่งก่อนจะทำเริ่มธุรกิจนำเข้านั้น การส่งของไปญี่ปุ่นเพื่อให้ผู้นำเข้าได้พิจารณาก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ดังนั้น การส่งของไปญี่ปุ่นจึงเป็นสิ่งที่ผู้ทำธุรกิจส่งออกและมีญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าควรศึกษาให้เข้าใจทั้งข้อควรรู้และข้อควรระวังต่าง ๆ ในบทความนี้เรามาดูกันว่าการส่งพัสดุไปญี่ปุ่นมีอะไรบ้างที่เราควรทราบ
ข้อควรระวังและข้อควรรู้ต่าง ๆ ที่ควรทราบก่อนจะส่งของไปญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายที่เข้มงวดและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างแข็งขัน หากต้องการให้พัสดุไปถึงปลายทางอย่างราบรื่น ผู้ที่จะส่งของไปประเทศญี่ปุ่นควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าของญี่ปุ่นอย่างละเอียด เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง
สินค้าที่ห้ามส่งไปญี่ปุ่น
สิ่งสำคัญข้อแรกที่ควรทราบหากจะส่งของไปญี่ปุ่น คือ สินค้าต้องห้ามที่ไม่ควรส่งพัสดุไปญี่ปุ่น การละเมิดกฎข้อนี้ จะมีบทลงโทษต่างกันไป ตั้งแต่ยึดและทำลายสินค้า, ค่าปรับ หรือร้ายแรงสุด คือ คดีอาญา หากเป็นสินค้าต้องห้ามที่ร้ายแรง โดยสินค้าที่ห้ามส่งไปญี่ปุ่น มีดังนี้
- อาหารสดประเภทเนื้อสัตว์ที่ยังไม่ผ่านการตรวจรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- สารเคมีที่เป็นพิษ หรือเป็นวัตถุไวไฟที่อาจระเบิดได้
- ของมีคมและอาวุธทุกชนิด
- เมล็ดพันธุ์ของผัก และผลไม้
- ยาห้ามนำเข้า 11 ชนิด ที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน หรือสารไดเฟนอกไซเล
- สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่าง ๆ
- ยาเสพติด และสิ่งของผิดกฎหมายทุกชนิด
ภาษีการส่งของไปญี่ปุ่น
การใช้บริการส่งของไปญี่ปุ่นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีค่าใช้จ่ายจากผู้ให้บริการขนส่ง นอกจากค่าส่งพัสดุไปญี่ปุ่น อีกค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นได้ ก็คือภาษี หากสินค้าที่ส่งไปมีมูลค่าไม่ถึง 10,000 เยนญี่ปุ่น หรือประมาณ 2,200 บาทไทย จะได้รับการยกเว้นภาษี หากมูลค่าของแพงกว่าเกณฑ์ดังกล่าว ก็จะมีการเรียกเก็บภาษีที่ปลายทาง โดยจะอยู่ในอัตราประมาณ 4.49-30%
ระยะเวลาขนส่งพัสดุไปญี่ปุ่น
การส่งของไปญี่ปุ่นมีได้ 2 ช่องทาง คือ ทางเรือ และทางเครื่องบิน เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศเกาะที่ไม่มีแผ่นดินติดกับทวีปใหญ่ หากส่งทางเครื่องบินก็จะระยะเวลาขนส่งที่สั้นกว่าขนส่งทางเรือ โดยเราจะยกตัวอย่างระยะเวลาการส่งของจากไทยไปญี่ปุ่นทางเครื่องบินจะมีตั้งแต่ 3-14 วัน ทั้งนี้ระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่ง ตั้งแต่เส้นทางการขนส่ง และคลังสินค้าที่มี
ส่งของไปญี่ปุ่น มีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร?
การส่งของไปญี่ปุ่น ก็เหมือนกับการส่งของไปยังประเทศอื่น ๆ ถึงแม้ข้อห้าม และรายละเอียดอาจมีความแตกต่างกัน แต่ข้อปฏิบัติในการดำเนินการจัดส่งจะใกล้เคียงกัน โดยเราจะยกตัวอย่างขั้นตอนการดำเนินการส่งพัสดุไปญี่ปุ่น หากใช้บริการของ RNP Express ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ผู้ใช้บริการ สมัครบัญชีผู้ใช้ในระบบของ RNP เพื่อให้สามารถยื่นคำร้อง ไปจนถึงตรวจสอบสถานะพัสดุ
- ผู้ใช้บริการแจ้งประเภทพัสดุ และต้องถ่ายรูปกล่องพัสดุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทราบข้อมูลพัสดุ และขนาดกล่องพัสดุโดยคร่าว ๆ
- รอการดำเนินการจากฝั่งเจ้าหน้าที่ จากนั้นชำระค่าส่งของไปญี่ปุ่น
- ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะของพัสดุได้ตลอดเวลา
- เมื่อพัสดุถึงมือปลายทางจะมีการแจ้งเตือนให้ทราบ
สรุปส่งของไปญี่ปุ่น หรือประเทศไหนก็ทำได้ง่าย
ในยุคนี้ที่การสื่อสาร การคมนาคมขนส่งมีการพัฒนามาอย่างยาวนาน การจะส่งของไปญี่ปุ่น หรือส่งของไปอเมริกา หรือแม้แต่ประเทศไหนก็สามารถทำได้ง่าย เพียงแค่หาผู้ให้บริการจัดส่งที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจว่าพัสดุที่ส่งไป จนถึงมือปลายทางอย่างปลอดภัยไม่บุบสลาย
อย่างไรก็ตามการจะส่งของไปญี่ปุ่น หรือประเทศไหน ๆ ก็ตาม ผู้ส่งจำเป็นต้องศึกษากฎหมาย ข้อห้าม ข้อบังคับต่าง ๆ เสียก่อน เพราะทุกประเทศมีข้อห้าม มีสินค้าต้องห้ามที่แตกต่างกันไป การละเมิดกฎหมายของประเทศอื่น จะส่งผลเสียในระยะยาว ตั้งแต่พัสดุอาจถูกริบ หรือชื่อธุรกิจอาจถูกบันทึกไว้และมีปัญหาในการทำธุรกิจร่วมกับประเทศนั้น ๆ เลยก็เป็นได้